metaverse

โลกเสมือนจริง เราทันได้เห็นมันจริงๆหรือ?

Metaverse กับ Meta เป็นคนละอย่างกัน เหมือนคำว่า “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” กับ “มาม่า”

“Hello, Meta” คำทักทายใน twitter ของมาร์ค หลังจากประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัท facebook ให้กลายเป็น “Meta” อย่างเป็นทางการ
Metaverse กับ Meta เป็นคนละอย่างกัน เหมือนคำว่า “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” กับ “มาม่า” Metaverse กำลังมา #ใหญ่ #เร็ว และ #แรง มากพอๆ กับคลื่นสึนามิที่พร้อมจะกวาดธุรกิจและผู้คนที่ไม่พร้อมลงทะเลได้ ลองนึกถึง Grab ที่มาเปลี่ยน taxi หรือร้านอาหาร หรือ Lazada/Shopee มาเปลี่ยนค้าปลีก อย่างห้างอันดับหนึ่งของไทยยังสะเทือน

Metaverse มาแรงกว่าที่คิดไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องลอจิสติกส์ หรือช็อปปิ้งเท่านั้น มันกำลังมาเปลี่ยนวิถีชีวิตของคนทั้งโลก ทำให้ มาร์ค ซัคเบอร์ค ชิงเปลี่ยนชื่อบริษัทให้คล้องกับ Super Mega Trend เพื่อยึดหัวหาดก่อนใคร
Metaverse คืออะไร? Metaverse คืออินเทอร์เน็ต 3 ยุค ยุคแรกอินเตอร์เน็ตในคอมพิวเตอร์และโน๊ตบุ้ค ยุคต่อมาอินเตอร์เน็ตมาอยู่บนโทรศัพท์มือถือ จากยุคแรกมาที่สองเราก็เคยตื่นเต้นแล้ว เรานัดเจอกับเพื่อนโดยไม่ต้องยืนรอหน้าประตูนั้นนี้ตอนกี่โมง ขับรถทางไกลไม่ต้องซื้อแผนที่ ติดต่องานไม่ต้องเข้าอ๊อฟฟิศ อยู่ที่ไหนก็ติดต่องานทำงานได้ ความรู้ ข้อมูล ข่าวสารไม่ต้องมาจากคุณครู โรงเรียน ห้องสมุด หนังสือ หรือสำนักพิมพ์อีกต่อไป ทุกคนเป็น content generators ได้ แค่ปลายนิ้วจิ้ม เกิดทักษะใหม่ๆ ในการเรียนรู้มากมาย
สมัยที่เบลล์ ประดิษฐ์โทรศัพท์ขึ้นมาได้ Times magazine ก็เคยพูดถึงมันว่า “ใครจะต้องการโทรศัพท์กัน เรามีจดหมาย(กระดาษ)อยู่แล้ว”
อินเทอร์เน็ตยุค Metaverse จะไปไกลชนิดทิ้งไม่เห็นฝุ่น ด้วยเทคโนโลยี 5G (และ 6G ที่กำลังจะตามมา ด้วยเทคโนโลยี VR, AR, Blockchian, NFTs, Machine learning (AI) ทุกอย่างพร้อมแล้วที่จะทำให้รอยต่อที่อยู่ระหว่างโลกกายภาพกับโลกดิจิตัลมัน smooth ขึ้นจนเหมือนกับไม่มี เราสามารถไป ใช้ชีวิต ในโลกอีกใบ หรืออีกหลายๆใบแม้เราจะอยู่บ้าน เคยเรียกทีวีสี เป็น ทีวี เคยเรียกโทรศัพท์มือถือ เป็นโทรศัพท์ เคยเรียก work from home จะกลายเป็น work เฉยๆ เคยเรียก online class อีกหน่อยจะเป็นแค่ class เด็กรุ่นใหม่จะงงว่าทำไมต้องไปเรียนที่โรงเรียน เพราะเค้าจะเรียนจากที่ไหนก็ได้ ทำไมต้องไปทำงานที่บริษัท เพราะเค้าทำงานจากที่ไหนก็ได้
เหมือนกับที่ Times Magazine ไม่เข้าว่าโทรศัพท์มันจะมาแทนจดหมายได้อย่างไร
ครอบครัวยังเหมือนเดิม แต่นิยามของ “บ้าน”จะเปลี่ยนไป
ความสัมพันธ์ยังเหมือนเดิม นิยามของ “เพื่อน” จะเปลี่ยนไป
การศึกษายังเหมือนเดิม แต่นิยามของ “โรงเรียน/มหาวิทยาลัย” จะเปลี่ยนไป
ระบบเงินตรายังเหมือนเดิม แต่นิยามของ “แบงค์” จะเปลี่ยนไป รวมถึงระบบภาษีระบบเศรษฐกิจ สังคม การเมืองการปกครอง การเป็นพลเมือง ฯลฯ การแลกเปลี่ยนคุณค่าต่างๆในสังคมยังเหมือนเดิม แต่นิยามของ “ธุรกิจ” จะเปลี่ยนไป ข้อจำกัดทาง “เวลา-สถานที่” จะเปลี่ยนไปเพราะเทคโนโลยี ทำให้โลกแคบลงโดยนัยยะหนึ่งแต่กว้างขึ้นในอีกนัยยะหนึ่ง!
โลกเสมือนจริง เราทันได้เห็นมันจริงๆหรือ?
Cr. เล้ง ท่าแพ polsanlan

Comments

comments