จริงๆ แล้วผมเป็นโรคภูมิแพ้มาตั้งแต่อายุสิบกว่าขวบ คืออาการจะมีว่า หากอดหลับอดนอน นอนดึก จะเริ่มมีตุ่มตามตัว หนังจะลอกเป็นสะเก็ด ตามศรีษะ ลำคอ รักแร้ แต่ก็ไม่มากอะไร แต่เริ่มมารักษา เอาเมื่อสองสามปีที่แล้ว (ตุลาคม 2555) เนื่องจากว่ามันเริ่มเป็นเยอะขึ้น เลยไปรักษาที่สถาบันโรคผิวหนัง แต่ก็ตามนิสัยเดิม คือไม่ค่อยจะใส่ใจอะไรกับตัวเองเท่าไร ปล่อยๆ รักษามั่ง ไม่รักษามั่ง ไม่ค่อยดูแลตัวเอง ได้ยามาทา ก็ทาบ้างไม่ทาบ้าง และไม่คิดจะ รักษาโรคภูมิแพ้ อย่างจริงจังซะที
จนในวันหนึ่ง คนที่เรารักและเป็นห่วง เกิดเป็นโรคภูมิแพ้ขึ้นมา ก็เริ่มมาศึกษาจริงๆ จังๆ ในการ รักษาโรคภูมิแพ้ แล้วก็เริ่มดูแลตัวเองจริงๆ จังๆ ซะที เพราะเราต้องแข็งแรง สุขภาพดี เพื่อที่จะได้ดูแล คนข้างเราได้ทุกคนจริงมั้ย
วันนี้ผมก็ไปเจอบททความหนึ่ง ซึ่งบอกถึงการรักษาโรคภูมิแพ้โดยการทำเลเซอร์ ได้ยินครั้งแรกก็งงๆ อยู๋ว่ามีด้วยเหรอ แต่พออ่านดูบทความก็พอจะเข้าใจ แต่ก็คงไม่เกี่ยวอะไรกับโรงภูมิแพ้ทางผิวหนังของผมแน่ๆ เลย แต่ก็มีประโยชน์สำหรับคนที่ผมห่วงใยทุกคนครับ เลยขออนุญาต คัดลอกมาไว้ที่ Blog นี้ด้วย บทความนี้เผยแพร่โดยไทยโพสต์ครับ ต้องขอขอบคุณด้วยนะครับ
อาการภูมิแพ้ ความทรมานที่คนไม่ป่วยไม่มีทางรู้ แต่เป็นความน่ารำคาญจนถึงทรมานสุด ๆ สำหรับผู้ป่วย ซึ่งสาเหตุของโรคส่วนใหญ่ แพทย์ฟันธงว่ามาจากกรรมพันธุ์ และเป็นโรคที่พบบ่อยถึง 20% ของประชากรทั่วไป
ทั้งนี้ ภูมิแพ้สามารถแพ้ได้ตั้งแต่อากาศเย็น-ร้อน ความกดอากาศต่ำ-สูง ไรฝุ่น ซากแมลงสาบ ละอองเกสรดอกไม้ อาหาร หรือแม้แต่แพ้ภูมิตัวเองก็ยังมี เรียกว่าร้อยแปดพันอาการที่จะสรรหามาแพ้กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สภาพอากาศที่แปรปรวนและมลภาวะที่มากขึ้น เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้สัดส่วนผู้ป่วยภูมิแพ้สูงขึ้น แน่นอนว่า วิธีการที่ดีที่สุดในการบำบัดอาการแพ้ทั้งหมดทั้งมวลข้างต้นคือ การสังเกตและหลีกเลี่ยงสาเหตุของการแพ้
สำหรับการบำบัดรักษาอาการภูมิแพ้นั้น แพทย์มักแนะนำให้ออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันรักษาตัวเอง โดยอาการแพ้ที่แสดงออกเป็นได้ทั้งจาม คัดจมูก ผื่นคัน คันจมูก น้ำมูกไหล ไอ คันคอ กระทั่งมีอาการหืดหอบร่วมด้วย ซึ่งในรายที่เป็นหืดหอบนั้น การรักษาแพทย์จะแนะนำให้ใช้ยาฉีดพ่นสูดทางปาก เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยหายใจสะดวกขึ้น โดยมีข้อแนะนำตามมาว่า ในการใช้ควรใช้ต่อเนื่องไม่เกิน 2 สัปดาห์ เพราะในยาดังกล่าวจะมีสารประกอบของสเตียรอยด์ ที่จะมีผลข้างเคียงของการใช้ ตั้งแต่อาการบวม ผิวแตกลาย เป็นสิว ผิวเข้มขึ้น ความดันโลหิตสูง อ่อนเพลีย ติดเชื้อง่าย คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร จนถึงขั้นกระดูกเปราะขึ้น แต่ถ้าผู้ป่วยใช้ตามคำแนะนำของแพทย์ ความเสี่ยงดังกล่าวจะน้อยลง แต่ส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยจะใช้จนเคยชิน กระทั่งละเลยคำแนะนำแพทย์ เพราะเมื่อเกิดอาการแล้ว ยาดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นทันทีนั่นเอง
นอกจากนี้ ผู้ป่วยภูมิแพ้ในโพรงจมูกชนิดเรื้อรัง หรือมีอาการหืดหอบร่วมด้วย มักนิยมรักษาด้วยการฉีดวัคซีน โดยผู้ป่วยจะต้องมาทำการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Skin test) ในสารในการทดสอบประมาณ 30 ชนิด เมื่อพบว่าแพ้ชนิดใดแล้วแพทย์อาจจะแนะนำให้หลีกเลี่ยงสารที่แพ้ หรือให้ทำการฉีดวัคซีนจากสารตัวนั้นเข้าไปในปริมาณน้อย เพื่อดูปฏิกิริยาการสร้างภูมิของร่างกายแล้วค่อย ๆ เพิ่มความเข้มข้นหรือขนาดยาขึ้น เมื่อได้เกณฑ์การตอบสนองที่ดีแล้วแพทย์จะนัดมาฉีดวัคซีนสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และอาจจะนัดฉีดห่างออกไปหากอาการดีขึ้นเป็นลำดับ โดยต้องฉีดติดต่อกันเป็น เวลา 3-5 ปี
ทั้งนี้ เมื่อครบคอร์สการรักษาแล้ว ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาจจะไม่แสดงอาการ 5-10 ปีแล้วแต่ราย โดยไม่ต้องใช้ยาระงับอาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายที่มีอาการหอบหืดร่วมด้วย อาการอาจดีขึ้น 70-80% สามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่า ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตเสี่ยงต่อสารที่แพ้นั้นมากน้อยแค่ไหน และรับความเข้มข้นของสารก่อภูมิแพ้เท่าใด
แม้การฉีดวัคซีนจะเป็นการรักษาที่ต้นเหตุของปัญหา แต่วิธีดังกล่าวจะต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ป่วยอย่างดี เพราะต้องใช้เวลารักษานานและเสียค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ผู้ป่วยหลายรายรู้สึกท้อเมื่อต้องไปให้คุณหมอฉีดยาทุก ๆ สัปดาห์เป็นเวลา 3-5 ปี
แต่ทางเลือกใหม่สำหรับผู้ป่วยภูมิแพ้ในจมูก ด้วยการใช้แสงเลเซอร์ที่มีความจำเพาะ เข้าไปทำลายตัวรับสัญญาณภูมิแพ้ที่อยู่บนเยื่อบุโพรงจมูก เพื่อให้ทำงานน้อยลงโดยจะไม่เกิดปฏิกิริยากระตุ้นสารก่อภูมิแพ้อีก และยังช่วยลดขนาดและจำนวนของเส้นเลือดที่อยู่ใต้เยื่อบุโพรงจมูก ทำให้ผู้ป่วยหายใจได้โล่งขึ้น มีน้ำมูกน้อยลงและภูมิแพ้หายขาดได้ โดยการยิงเลเซอร์เพียง 1-2 ครั้งเท่านั้น ซึ่งเป็นวิธีการรักษาที่ปลอดภัย เพราะผู้ป่วยจะมีเพียงสะเก็ดแผลและเยื่อบุ โพรงจมูกบวมประมาณ 1-2 สัปดาห์ โดยสามารถรักษาผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 1 ปีเป็นต้นไป
ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับความร่วมมือของผู้ปกครองและผู้ป่วยด้วย ซึ่งหลังรับการรักษาจะสามารถควบคุมอาการได้ประมาณ 5-10 ปี และในประเทศไทยได้มีการพัฒนาการรักษาภูมิแพ้ในโพรงจมูก ด้วยวิธีการยิงเลเซอร์มากว่า 15 ปีแล้ว
credit : (ไทยโพสต์)