
ผมเจอบทความที่ดีมากอันหนึ่งครับ ซึ่งเป็นบทความที่เรียบเรียงโดย หนุ่มเมืองจันท์ อ่านแล้วได้แรงบัณดาลใจมาก เลยนำมากฝากให้อ่านกันครับ เรื่องมีอยู่ว่า วันหนึ่ง เมื่อ “เจ.เค.โรลลิ่ง” ไปปาฐกถาในงานรับปริญญาของบัณฑิตมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด… เธอบอกกับบัณฑิตทุกคนว่า เรื่องที่เธออยากจะพูด คือ สิ่งที่เธอคิดว่าควรจะรู้ตอนรับปริญญา แต่ไม่ได้รู้และสิ่งที่เธอเรียนรู้จากช่วงเวลา 21 ปีหลังจบการศึกษา เรื่องนั้นคือ…”ประโยชน์ของความล้มเหลว“
สิ่งที่ฉันกลัวที่สุดตอนที่อายุเท่ากับพวกคุณ ไม่ใช่ “ความจน” หากเป็น “ความล้มเหลว” “พรสวรรค์และสติปัญญาไม่เคยเป็นภูมิคุ้มกันให้ใครรอดพ้นจากความไม่แน่นอนของโชคชะตาไปได้” “เจ.เค.โรลลิ่ง” บอกว่า แรงขับของคนที่จบจาก “ฮาร์วาร์ด” อาจเกิดขึ้นได้ทั้งจาก “ความกลัวจากความล้มเหลว” หรือ “ความปรารถนาในความสำเร็จ” ก็ได้ แต่ไม่มีใครจะหลีกเลี่ยง “ความล้มเหลว” ได้ การล้มเหลวในบางครั้งของชีวิตเป็นเรื่องธรรมดา “ยกเว้นแต่คุณจะใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังมากเสียจนไม่เกิดมาเลยจะดีกว่า ซึ่งในกรณีนั้นเท่ากับว่าคุณได้ล้มเหลวโดยอัตโนมัติ” ชอบครับ…ชอบ
“เจ.เค.โรลลิ่ง” เล่าว่า หลังจากจบจากมหาวิทยาลัย ชีวิตของเธอได้เดินหน้าสู่ “ความล้มเหลว” อย่างเต็มตัว 7 ปี หลังจากนั้น เธอล้มเหลวเรื่อง “ชีวิตคู่” ต้องเลี้ยงดูลูกคนเดียว ล้มเหลวเพราะไม่มีงานทำ และล้มเหลวเพราะ “จน” ที่สุดเท่าที่จนได้ในประเทศอังกฤษสมัยใหม่โดยที่ยังไม่เป็นคนจรจัดหลายคนเคยพูดถึงชีวิตของเธอว่าเป็นการคลี่คลายอย่างน่ามหัศจรรย์ราวกับนิทานเด็ก แต่ “เจ.เค.โรลลิ่ง” บอกเลยว่า “ความล้มเหลว” ไม่ใช่เรื่องสนุก “ฉันไม่รู้เลยว่า อุโมงค์นั้นจะยาวขนาดไหน และเป็นเวลานานมากที่แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ถ้ามันจะมี ก็เป็นเพียงความหวังของฉัน ไม่ใช่ความจริง”
แล้ว “ประโยชน์” ของ “ความล้มเหลว” คืออะไร คำตอบสั้น ๆ จาก “เจ.เค.โรลลิ่ง” ก็คือ ความล้มเหลวได้บังคับให้เราต้องถอดรื้อสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่สำคัญ “ฉันหยุดหลอกตัวเองว่า ฉันเป็นอะไรที่มากกว่าที่ฉันเป็น แล้วก็เริ่มทุ่มเทพลังงานให้กับการทำงานเดียวที่สำคัญสำหรับฉันให้เสร็จ” เธอบอกว่า ถ้าช่วงเวลาที่ผ่านมาเธอประสบความสำเร็จในเวทีเดียวที่เชื่อว่าเป็นเวทีของเธอจริง ๆ และนั่นคือ ที่มาของ “แฮรี่ พ็อตเตอร์” นวนิยายที่เปี่ยมด้วยจินตนาการและพลังแห่งความมุ่งมั่นของเธอ
“ความล้มเหลว” ได้ปลดปล่อย “เจ.เค.โรลลิ่ง” ให้พ้นจาก “จินตนาการ” ที่หลอกตัวเองว่า เธอเป็นอะไรที่มากกว่าที่เธอเป็น ผมเชื่อว่า นี่คือประเด็นที่เธออยากบอกคนหนุ่มสาวที่ก้าวพ้นจากรั้วมหาวิทยาลัย “ความฝัน” และ “ความเชื่อมั่น” เป็นสิ่งที่จำเป็นของมนุษย์ แต่ “ความจริง” คือ โลกใต้ฝ่าเท้าที่เรายืนอยู่ และ “ความล้มเหลว” คือ โฟมล้างหน้าที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการล้างเครื่องสำอางแห่ง “ความฝัน” และ “ความเชื่อมั่น” ที่เคลือบอยู่บนใบหน้าของเราหลังจากปล่อยให้ “ความล้มเหลว” จัดการพันธนาการต่าง ๆ ที่ “ไม่จริง” จนหมดสิ้น “เจ.เค.โรลลิ่ง” ได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระ แม้ “ความล้มเหลว” ได้กลายเป็น “ความจริง” “แต่ฉันยังมีชีวิตอยู่” สิ่งที่เธอมีในวันนั้นก็คือ 1.มีลูกสาวที่เธอรัก 2.มีเครื่องพิมพ์ดีดเก่า ๆ 1 เครื่อง และ 3.เธอมี “ไอเดีย” ที่ยิ่งใหญ่
ประโยคต่อมาเป็นประโยคที่ผมชอบที่สุดในปาฐกถาชิ้นนี้ “ก้นเหวจึงเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งให้ฉันสร้างชีวิตขึ้นมาใหม่” ครับ…ถ้าเราไม่ยอมรับ “ความจริง” ว่าเราล้มเหลว ยังแหวกว่ายอยู่ในหุบเหวของความล้มเหลวโดยใช้จินตนาการที่หลอกตัวเองเป็นเครื่องพยุงตัว ไม่ยอมปล่อยตัวเองให้ถึงก้นเหว โอกาสที่เราจะทะยานตัวขึ้นก็เป็นเรื่องยาก เพราะหลักของการ “ลุก” เมื่อเรา “ล้ม” ก็คือ ต้องดันตัวเองขึ้นมาโดยใช้พื้นเป็นฐานยันตัว การลอยอยู่ในอากาศ เราจะไม่มีอะไรเป็นฐานในการดันตัวขึ้นเลย แต่เมื่อเรายอมดิ่งตัวเองจนถึง “ก้นเหว” เมื่อไร เราจะมี “ก้นเหว” เป็นจุดค้ำยันและผลักตัวเองให้กระโดดขึ้นมาจากหุบเหวแห่ง “ความล้มเหลว” ได้สำเร็จ
“ความล้มเหลวมอบความมั่นคงทางจิตใจให้กับฉัน…ความล้มเหลวสอนเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับตัวฉันเองที่ไม่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยโดยวิธีอื่น” สิ่งที่ “เจ.เค.โรลลิ่ง” ได้รับก็คือ เธอมีความมุ่งมั่นมากขึ้น และมีวินัยมากกว่าที่เธอคาดคิด “ความรู้ที่คุณมีหลังจากที่โผล่พ้นจากความล้มเหลวแต่ละครั้งอย่างมีปัญญาและเข้มแข็งกว่าเดิม แปลว่า คุณจะมีความสามารถในการเอาตัวรอดติดตัวไปตลอดชีวิต” “คุณจะไม่มีวันรู้จักตัวเองอย่างแท้จริงหรือรู้จักความแข็งแกร่งของความสัมพันธ์ในชีวิตจนกว่าทั้ง 2 สิ่งนี้จะถูกทดสอบด้วยเคราะห์ร้าย” “เจ.เค.โรลลิ่ง” สรุปว่า “ความรู้” แบบนี้เป็นพรสวรรค์ที่แท้จริงและได้มาด้วยความยากลำบาก “มันเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับฉันมากกว่าคุณวุฒิทุกอย่างที่ฉันเคยได้รับ” สำหรับ “เจ.เค.โรลลิ่ง” แล้วชีวิตเป็นเรื่องยากซับซ้อน และไม่มีใครสามารถควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์ ถ้านั่งไทม์แมชชีน หรือ เครื่องย้อนเวลากลับไปได้ “เจ.เค.โรลลิ่ง” จะบอกตัวเองในวันที่มีอายุ 21 ปีว่า ให้ยอมรับในสัจธรรมข้อนี้ “ความอ่อนน้อมถ่อมตนในการยอมรับความจริงดังกล่าวจะช่วยให้คุณรอดพ้นจากความผันผวนของชีวิต”
ชมคลิป speech ของเธอในงานนี้ได้ ตาม Link นี้ครับ
Credit : หนุ่มเมืองจันท์ “ความล้มเหลวและจินตนาการ (1)” มติชนสุดสัปดาห์. (24 – 30 ตุลาคม 2551) : หน้า 24.